ตั้งใจว่าจะดูซับไทยสองตอนสุดท้ายให้จบ แล้วค่อยพูดถึง~ แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังคงทิ้งไว้ที่ซับไทยสองตอนสุดท้าย
เริ่มเรื่องด้วยความสัมพันธ์ของวังวอน (พระเจ้าชุงซอน ขณะเป็นองค์รัชทายาท) กับพระเจ้าชุงยอล พระบิดา ที่ดูจะไม่ลงรอยกันเท่าไหร่ แน่นอนว่าคนดูที่ไม่รู้เรื่องประวัติศาสตร์ย่อมแปลกใจแน่นอนว่า ก็ในเมื่อพ่อไม่รัก แล้ววังวอนได้ตำแหน่งรัชทายาทมาได้ยังไง ถ้ารอเฉลย(แบบไม่ละเอียดนัก)ที่มีให้เห็นในช่วงต้นค่อนไปกลางเรื่องไม่ไหว ก็คงต้องไปหาประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิมองโกล ในช่วงการปกครองของกุบไล ข่าน ปฐมกษัตริย์ผู้สถาปนาราชวงค์หยวน ผู้มีศักดิ์เป็นพระอัยกา(ตา)ของวังวอน มาอ่านกันก็จะได้อินกันไปอีก
นอกจากความสัมพันธ์อันไม่ลงรอยของพ่อกับลูกแล้ว เนื้อเรื่องจะนำพาเราดำดิ่งไปกับมิตรภาพที่ล้ำลึกระดับยอมตายแทนกันได้ของวังวอน(อิมชีวาน) กับวังริน(ฮงจงฮยอน) ผู้สืบเชื้อสายเลือดบริสุทธิ์แห่งโครยอ มีศักดิ์เป็นพระญาติ และเป็นแคนดิเดทคนสำคัญที่เสด็จแม่ของวังวอน หวั่นใจทุกครั้งเมื่อเห็นการมีอยู่ของวังริน ที่ไม่ต่างอะไรกับหอกข้างแคร่ พร้อมจะปล้นบัลลังค์ได้ทุกเมื่อ หากวังรินหลงมัวเมาในอำนาจ และเพราะเหตุนี้ ทำให้ได้เห็นโมเม้นที่เหมือนแม่ผัวผู้เกลียดชังลูกสะใภ้ กับลูกสะใภ้ผู้น่าสงสาร อยู่บ่อยๆ ตั้งแต่ต้นจนเกือบจะจบเรื่อง
อ่านมาจนถึงตอนนี้ นี่หมายความว่านางเอกไม่จำเป็นใช่มั๊ย ~ 😅 แต่แน่นอน เพื่อนรักมักต้องหักเหลี่ยมโหด ตัวละครอึนซาน(ยุนอา SNSD) จึงจำเป็นต้องมีอยู่ในเรื่องราว กลายเป็นที่มาของเรื่องราว การก้าวขึ้นสู่บัลลังค์ของพระเจ้าชุงซอน อันมีความรัก มิตรภาพ และการสูญเสียเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อจะหล่อหลอมให้รัชทายาทวังวอนกลายเป็นกษัตริย์ที่พระปรีชาที่สุดพระองค์หนึ่งของประวัติศาสตร์เกาหลี
***ตั้งใจว่าจะไม่สปอยล์เลย
นี่คือการดูผลงานการแสดงของอิมชีวาน ไอดอลนักแสดงที่ได้รับการยอมรับในฐานะนักแสดง เป็นครั้งแรก (ไอดอลเกาหลีหลายคนที่รับงานแสดง แต่ยังไม่สามารถก้าวผ่านอคติของผู้ชมงานแสดงได้ แต่อิมชีวานคือไอดอล ที่ได้รับการยอมรับอย่างไม่มีข้อกังขา หมายความว่า การันตรีได้เลยว่า ฝีมือการแสดงเฉียบจริง) ชีวานสวมบทบาทรัชทายาทวังวอนได้อย่างไร้ที่ติ การมีบุคลิกแบบสองขั้ว ร่าเริง สดใส ขี้เล่น แบบฮันชอล และ รักแรง เกลียดแรง แบบวังวอน ทำให้ตัวละครตัวนี้ เหมาะมากที่จะเอามาทำซีรีย์ยาว 40-50 ตอน ให้ผู้ชมได้เห็นถึงเกมการเมืองที่วังวอนมีทั้งลูกล่อลูกชน และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่วังวอนทำได้ดี ทั้งในแง่การเสียสละ การเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง แต่ก็ยังทันเกมฝ่ายตรงข้าม บังเอิญว่าในส่วนนี้ด้วยจำนวนตอนอันน้อยนิด ทำให้ตัวเอกของเรื่องตัวนี้ ไม่ได้แสดงให้เห็นชัดเจน(หากไม่ตั้งใจมอง) และที่คนเขียนบทลืมไปเสียสนิทก็คงเป็น ความเจ็บปวดรวดร้าวของวังวอน ที่เกิดจากการเสียสละเพื่อความถูกต้อง ทำให้ตัวละครตัวนี้ทำได้แค่สวยงาม แต่ยังไม่ถึงขั้นงดงาม
คาแรคเตอร์วังริน ที่รับบทโดยฮงจงฮยอน เป็นอีกบุคคลในประวัติศาสตร์ที่มีอยู่จริง แต่ถูกลบเรื่องราว/ไม่ได้รับการบันทึกใดๆ ไว้ในประวัติศาสตร์ อันเป็นที่มาให้คนเขียนบท นำมาผูกเรื่องราวให้เป็นดั่งนิยายต้นฉบับ วังรินถูกสร้างคาแรคเตอร์มาแบบพระรองผู้แสนดี แบบที่เราจะเดากันได้ว่า หล่อ ดี ไร้ที่ติ นางเอกไม่เอาแน่นอน ~ ติดตามผลงานของฮงจงมาตลอด แว้บแรกที่เห็นฮงจงใน vampire idol คือ ผู้ชายคนนี้หล่อมาก หล่อแบบเกินจะเป็นแค่นายแบบ หล่อระดับนี้ต้องพระเอกเท่านั้น แต่พอเห็นแอคติ้งแล้ว ก็คิดได้ว่าคงต้องฝึกอีกเยอะเลย แต่การรับบทวังรินในครั้งนี้ เรียกว่าเป็นโอกาสที่ดีงามมากของฮงจง เพราะบทนี้นอกจากจะเรียกเสียงกรี๊ดได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังได้เห็นพัฒนาการด้านการแสดงที่ดีมากๆ ของฮงจง
ต้นเรื่องรู้สึกว่าบทวังริน โคตรจะเท่จริงๆ เห็นแววเสียสละแมนๆ มาแต่ไกล แต่แน่นอนว่า เราจะต้องรับได้ แม้จะเสียน้ำตาให้ แต่เราจะไม่ลืมบทนี้ และก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น ถ้าคนเขียนบทไม่เลือกที่จะทำลายความเท่ ความนิ่งของวังรินในช่วงท้ายเรื่อง แถมยังจะทำลายก็ยังใจไม่ถึง ทุบบทนี้จนบิ่นไปแล้ว ก็นึกขึ้นมาได้ว่าจะดูไม่ดี เอาปูนมาฉาบเสียใหม่ แต่ก็ทิ้งรอยปะที่ไม่ประณีตไว้ให้คนดูอย่างเราต้องสบถ และยังไม่พอ ยังจะหาความชอบธรรมให้กับรอยบิ่นนี้ด้วยการโยนฆ้อนไปใส่มือวังวอน นับว่าเป็นการทำร้ายตัวละครที่เราไม่โอเคเอาเสียเลย
ว่ากันว่าละครที่ดีคือละครที่ถูกใจเรา สำหรับ The King In Love ก็คงจะเป็นเช่นนั้น สำหรับเรานี่คือละครต้นดี ปลายงง งานโปรดักชั่นประณีต แต่ดูแล้วไม่อิ่ม มีการโปรยคำ ทิ้งนั่นนี่ให้สงสัย แต่กลับไม่ได้รับการเฉลยข้อสงสัย หรือความหมายที่แท้จริงของคำเหล่านั้นเลย มีบางช่วงบางตอนที่ยืดยาดเสียจนสงสัยว่ามีนัยยะอะไรแอบแฝงมั๊ย แต่พอบทที่ควรจะให้ความสำคัญ การชิงไหว ชิงพริบของตัวละคร ดันรีบตัดต่อลวกๆ ยังกะเมียโทรตามให้รีบกลับบ้าน และจุดโฟกัสของเรื่องที่แกว่งไปมา จนไม่แน่ใจว่าจะโฟกัสที่จุดไหนกันแน่ เพราะไม่สุดสักทาง